เทศน์เช้า วันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๙
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
ตั้งใจฟังธรรมะเนาะ เราฟังธรรมกัน สัจธรรมเป็นความจริง ความจริงเป็นความจริงวันยังค่ำ ความไม่จริงพยายามตกแต่งปั้นแต่งให้เป็นความจริงขึ้นมา มันเป็นความจริงขึ้นมาไม่ได้หรอก ถ้าเป็นความจริงขึ้นมาไม่ได้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อทาสิ เม อกาสิ เม เธออย่าร้องไห้ เธออย่าเสียใจ เธออย่าคร่ำครวญไปเลย ให้ทำคุณงามความดีถึงกัน แล้วระลึกความดีถึงกัน จิตถึงจิตไง ความระลึกถึงกัน คุณงามความดีที่เราแสวงหากัน อันนี้เป็นความจริง ความจริงมันเกิดขึ้นมาจากตรงไหนล่ะ
ความดีมันเกิดขึ้นง่ายไหม ความดีของเราขึ้นมานะ ความดีของลูก ลูกมีความกตัญญูกตเวที ความดีของแม่ แม่เป็นสัมมาทิฏฐิ แม่พาลูกเข้าวัดเข้าวา แม่พาลูกไปทางที่ดี ความดีของปู่ย่าตายาย ความดีของปู่ย่าตายาย ผู้ที่ทรงศีลทรงธรรม รัตตัญญู ผู้ที่ได้ผ่านโลกมามาก เพราะผู้ที่ผ่านโลกมามากอยู่ในบ้าน ลูกหลานขึ้นมาก็ไปถามปู่ย่าตายายผู้เฒ่าผู้แก่ ผู้เฒ่าผู้แก่เป็นที่ปรึกษา นี่ไง ทำความดีๆ ตั้งแต่เด็กน้อยจนเป็นผู้ใหญ่ จนเป็นผู้เฒ่าผู้แก่ เรายังต้องทำคุณงามความดีของเราไปเรื่อย คุณงามความดีมันมาจากไหนล่ะ มันมาจากการกระทำนะ
กรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กันใช่ไหม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกอย่าคร่ำครวญ อย่าเสียใจ อย่าร้องไห้ สิ่งที่เราเกิดมาๆ เกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา เรามีโอกาส เรามีโอกาส เวลามีความทุกข์ในหัวใจมันบีบคั้นในหัวใจ เราก็เข้าใจได้ใช่ไหม เราทำคุณงามความดีของเรา ดูสิ ผู้ที่ฝึกหัดประพฤติปฏิบัติ เวลามันปล่อยวางขึ้นมามันมีความสุขของมันน่ะ คนคนเดียวกันนั่นแหละ เวลามันทุกข์มันยากมา มันทุกข์มันยากมันบีบคั้นหัวใจนัก คนคนเดียวกันนั่นแหละ แต่มีสติปัญญา ไม่ตื่นไปกับโลกเขา
โลกเขาตื่นเต้นไปกับปัจจัยเครื่องอาศัย ไอ้ปัจจัยเครื่องอาศัย ของอาศัยๆ แต่เราไปตื่นเต้นกับมัน ไปยึดมั่นถือมั่นกับมัน เพราะมองข้ามชีวิตของเราไง มองข้ามถึงชีวิต มองข้ามถึงตัวของเรา
ตัวเรามีค่า มีค่าเพราะอะไร มีค่าเพราะสิ่งที่แสวงหานั้นเป็นของเราทั้งนั้นๆ แต่ถ้าเราใช้จ่ายไป เราใช้ประโยชน์ไป ใช้จ่ายเพื่อปัจจัยเครื่องอาศัย เพื่อดำรงชีวิต ถ้าเราเสียสละไป เสียสละเป็นบุญกุศล เป็นอำนาจวาสนาบารมี สิ่งที่เป็นอำนาจวาสนาบารมี พระโพธิสัตว์ๆ สละแม้แต่ชีวิต เวลาพระโพธิสัตว์สละชีวิตๆ นะ เรายังสละแค่วัตถุทาน นั่นเขาสละชีวิตของเขาเพื่อประโยชน์กับเขา ถ้าทำคุณงามความดีอย่างนั้น ทำคุณงามความดีอย่างนั้น นั่นน่ะเขาทำคุณงามความดี ความดีๆ มันมีการกระทำ แล้วเขามีความเชื่อมีความศรัทธา เวลาประพฤติปฏิบัติขึ้นมามันต้องมี มันต้องมีการกระทำ ไม่ใช่อ้อนวอนขอเอาอย่างนั้น
ไอ้อ้อนวอนขอเอาอย่างนั้น ทำอย่างนั้น ความเชื่อ ศรัทธาความเชื่อให้เราเข้ามาศึกษา ศึกษาแล้วเป็นความจริงไหม ศึกษาขึ้นมา ดูสิ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ ไปศึกษากับเจ้าลัทธิต่างๆ เขาปฏิญาณตนว่าเป็นศาสดาๆ ทั้งนั้นน่ะ เขายกย่องนะว่ามีความรู้เหมือนเรา มีความเห็นเหมือนเรา เขายกย่อง อาฬารดาบส อุทกดาบสยกย่องเลยว่าเจ้าชายสิทธัตถะเก่งมาก เจ้าชายสิทธัตถะมีปัญญามาก เป็นศาสดาได้ๆ
เจ้าชายสิทธัตถะไม่เอา เพราะอะไร เพราะเราสงสัย เราทุกข์ จิตใต้สำนึกเราว้าเหว่ จิตใต้สำนึกของเรามันยังมีปัญหาในหัวใจ มันยังอาลัยอาวรณ์มันอยู่ ความอาลัยอาวรณ์มันมีภวาสวะ มันมีภพไง ความภพ ภพชาติมันเกิด เกิดตรงนี้ไง ภพเกิด การเกิด เกิดที่ไหนมีภพ ไอ้นี่มันเกิดในใจเรา มันมีของมัน มันแสดงออก มันก็เกิดของมันอยู่น่ะ เจ้าชายสิทธัตถะดูใจของตนแล้ว ไม่เอาๆ ไม่เชื่อๆๆ ไม่เชื่อมันเกิดมาจากไหนล่ะ เกิดมาจากพระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ได้สร้างสมบุญญาธิการมามหาศาล
ไอ้พวกเรามันอ่อนแอ ไม่ต้องให้เขาเชื่อหรอก ไปสร้างกระแสให้เขา เดินเฉียดไป ดูซิ เขาจะเชิญเราไหม กลัวเขาจะไม่เชิญนะ เดินไปให้เขาเห็น
ไอ้นี่เขายกย่องสรรเสริญยังไม่เอา ไม่เอาเพราะอะไรล่ะ ไม่เอาเพราะเขามีสติมีปัญญา สติปัญญาอย่างนี้มันเกิดมาจากไหน สติปัญญาอย่างนี้มันเกิด กรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กัน เราทำคุณงามความดี ทำคุณงามความดีมาไง
เขาจะดูนิสัยคนคนนั้น เขาให้ดูเพื่อนเขา เขาคบคนดีมา เขาพัฒนาของเขามาเป็นชั้นเป็นตอนขึ้นมา คบเพื่อน เพื่อนที่ดี คบบัณฑิตไง อเสวนา จ พาลานํ ปณฺฑิตานญฺจ เสวนา เราไม่คบคนพาล เราจะคบบัณฑิต บัณฑิตเขาทำอย่างไร บัณฑิตเขาพาให้เราขวนขวาย บัณฑิตพาให้เราการกระทำ
ไอ้คนพาล ไป เราไปนั่งรอนั่น ไปนั่งรอแจกทานไง เออ! ไปสนามหลวงไปรับแจกทาน ไปรอแจกทานไม่ต้องทำอะไร สบาย ดูสิ มีทานเต็มเยอะแยะไปหมดเลย แบมือเมื่อไหร่ก็ได้ทั้งนั้นเลย...ก็เอ็งเป็นฝ่ายรับ แล้วเอ็งจะเอาบุญกุศล เอาความดีมาจากไหนล่ะ
แต่ถ้าเป็นบัณฑิต เราขวนขวาย เป็นจิตอาสา เขาต้องไปเก็บ ไปบริการ เขาเหงื่อไหลไคลย้อยนะ เขาไปเหงื่อไหลไคลย้อย เขาไปเพื่อประโยชน์ นี่บัณฑิตๆ
ไอ้คนพาลๆ คนพาลถึงเวลาจะเอาแต่ได้ๆ อเสวนา จ พาลานํ ปณฺฑิตานญฺจ เสวนา เราไม่คบ ไม่คบแต่ข้างนอก อยากดูนิสัยเขาเป็นอย่างไรให้ดูเพื่อนเขา ถ้าเพื่อนเขาชวนกันเป็นจิตอาสา เพื่อนเขาไปขวนขวายทำคุณงามความดี เออ! ไอ้กลุ่มนี้ใช้ได้ ไอ้ที่จะไปลักรองเท้าเขา ไอ้ที่จะคอยไปหยิบฉวยเขา ไอ้กลุ่มนี้ใช้ไม่ได้ นี่มันก็เห็นๆ กันอยู่ แต่เวลามันเกิดในใจล่ะ
นี่ไง เจ้าชายสิทธัตถะที่ไม่เชื่อๆ ไม่เชื่อเพราะมีอำนาจวาสนานะ คนที่มีอำนาจวาสนาเขามีบารมีธรรม บารมีธรรมจะมีจุดยืนในหัวใจนะ มันแยกแยะไง เราเสียดายชีวิตเรานะ กว่าจะเกิดมาพ่อแม่อุ้มท้อง ๙ เดือน คลอดออกมาจากช่องคลอดไม่ตายถึงมาเป็นเรา พ่อแม่เลี้ยงดูมาตั้งแต่ทารกจนมาเป็นอายุปานนี้ ทำไมไม่มีสติไม่มีปัญญาคิดไม่เป็นหรือ ชีวิตเรากว่าจะได้มามันทุกข์ยากขนาดไหน
ชีวิตเราที่ได้มา ชีวิตที่ได้มานี่ ชีวิตที่ได้มา ถ้าไม่มีบุญกุศล มนุษย์สมบัติ ไม่ได้เกิดเป็นคนหรอก เพราะมันเกิดเป็นคน เกิดมาเป็นคนเราเกิดมาขนาดนี้แล้ว แล้วทำไมไม่มีจุดยืน ทำไมจิตใจไม่เข้มแข็ง ทำไมอ่อนแอไปกับกระแสโลก ทำไมให้เขาชักจูงไปง่ายๆ ทำไมไม่มีปัญญา
ถ้ามีปัญญา แล้วปัญญามันเกิดตรงไหนล่ะ สมองก็พยายามกินยาบำรุงมันทุกวันเลย อยากให้สมองก้อนโตๆ มันก็ยิ่งโง่ใหญ่ ยิ่งกินมากก็ยิ่งโง่ใหญ่เลย แล้วมันฉลาด มันฉลาดที่ไหน ฉลาดที่การฝึกหัดนี่ไง ฉลาดตอนทำความสงบของใจให้ใจมันสงบเข้ามา ถ้าใจสงบเข้ามามันไม่มีกิเลส คบคนพาล คบบัณฑิตนั่นน่ะ
ไอ้คนพาลมันจะเอาแต่สะดวกสบาย ทำอะไรก็ได้ง่ายๆ มันลัดสั้น ชอบ ไอ้คนพาลมันพาไปอย่างนั้นนะชอบ หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ครูบาอาจารย์ของเราท่านสอนให้ประพฤติปฏิบัติ กว่าจะบวชได้ต้องเป็นปะขาวถึง ๗ ปี ๘ ปี เป็นปะขาวแล้วต้องท่องปาฏิโมกข์ให้ได้ก่อนถึงจะให้บวช พอบวชขึ้นมาแล้วต้องฝึกหัดๆ อู๋ย! เหนื่อยยาก ไม่ดี ไม่เอา นี่ไง อ่อนแอ อำนาจวาสนาอ่อนแอไง คน อำนาจวาสนานะ
เราศึกษาประวัติครูบาอาจารย์มามาก เวลาประวัติครูบาอาจารย์นะ เวลาจะไปหาหลวงปู่มั่นน่ะ โอ้โฮ! หลวงตาเวลาท่านจะไปนะ ร่ำลือว่าดุมากๆ ใครๆ ก็กลัวนะ ใครๆ ก็ออกห่างนะ แต่เวลาท่านไปนะ ต้องไปให้ได้ ต้องไปหาหลวงปู่มั่นให้ได้ เวลาท่านวิเวกไป ไปอยู่ที่ไหนนะ หลวงปู่กู่ หลวงปู่กว่าท่านก็ขอร้องให้อยู่กับท่าน
ท่านบอกไม่ได้ ท่านตั้งเป้าไว้แล้วที่จะไปหาหลวงปู่มั่นให้ได้
เวลาไปหาหลวงปู่มั่นวันแรกเลย ไปถึงก็โดนปัง! หงายท้องเลย เออ! เรามาหาของอย่างนี้
ไม่ใช่พอโดนปัง! เข้าไป อู๋ย! กลับแล้ว โอ้โฮ! อุตส่าห์บากหน้ามา เดินทางมาข้ามจังหวัด ข้ามภาคมาเลย โอ้โฮ! ไม่มีใครเอาใจเลย พอมาถึงยังโดนท่านอัดอีกเนาะ โอ๋ย! ไปแล้ว
นี่ไม่ พอโดนอัดเข้าไปปัง เออ! เรามาหาของอย่างนี้ เรามาหาของอย่างนี้ นี่ไง เราหาของอย่างนี้ หาสิ่งที่คนที่ชี้หัวใจเราได้ หาคนชี้ความบกพร่องของเราได้ หาคนชี้นำทางของเราได้ ถ้าคนมีปัญญาๆ เขาขวนขวายของเขาอย่างนี้ เขาขวนขวายของเรา
แล้วเวลาประพฤติปฏิบัติ เวลากิเลสมันหลอก ครูบาอาจารย์ท่านอยู่ข้างนอก เห็นไหม เหมือนพ่อแม่ พ่อแม่คนไหนบ้างที่ไม่ต้องการให้ลูกเป็นคนดี พ่อแม่คนไหนบ้างพยายามคบหาดูนะ คอยดูคบเพื่อนดีไม่ดี โอ๋ย! คอยเป็นห่วงเป็นใยไปหมดเลย พ่อแม่คนไหนบ้างไม่อยากให้ลูกเป็นคนดี ครูบาอาจารย์องค์ไหนบ้างที่ท่านจะบอกชี้นำเราได้
มันไม่ใช่คนพาลนี่ พากันไปทำแต่งานทางโลก ไม่เคยให้ดูแลหัวใจของตนเลย นี่ไง เวลาจิตมันเสื่อม ท่านคอยบอก ถ้าจิตมันเสื่อม จิตมันเหมือนเด็กน้อย มันต้องกินอาหาร เด็ก ดูสิ ทารกไม่ให้กินนม ไม่ให้นมมันกินมันร้องแล้ว เวลามันร้อง เอานมยัดปาก เงียบ เวลามันร้องนะ เอานมยัดปากพับ! จบเลย
นี่ก็เหมือนกัน จิตมันเสื่อมๆ มันทุกข์มันยากของมัน ท่านบอกเลยนะ เด็กมันต้องมีอาหารของมัน นี่ก็เหมือนกัน จิตมันต้องกินอาหาร เรารักษาอาหารไว้ ให้พุทโธๆ ไว้ เวลาเดี๋ยวถ้ามันหิวกระหายมันต้องกลับมาเอง ท่านก็พยายามเชื่อนะ เชื่อของท่านแล้วทำของท่าน
พอทำด้วยความจริงจัง เพราะคนมันจริง คนมันจริง คนมันหาของจริง คนมันหาของจริง คนต้องการให้คนชี้ความจริง เวลาชี้ความจริง ท่านบอกความจริง แล้วท่านทำจริงๆ แล้วมันก็เป็นจริงๆ ทำจริงๆ แล้วมันก็เป็นจริงๆ ถ้าทำไม่จริงมันก็ไม่เป็น แม้แต่คนจริงบอกให้เป็นความจริง แต่เราทำไม่จริงมันก็ไม่จริง
เวลาคนจริงมันบอก ท่านก็กำหนดพุทโธของท่าน จิตของท่านเสื่อม พอพุทโธๆ ของท่าน พอมันฟื้นคืนกลับมาท่านบอกเลยนะ มันก็จริงๆ เราพุทโธ เรากังวลทุกข์ยากไปหมด อยากได้ อยากดี อยากเป็น อยากฟื้น อยากไปหมดเลย พะวักพะวนไป ทุกข์ยากมาก ท่านบอกอย่าไปทุกข์ยากกับมัน รักษาอาหารไว้ รักษาอาหาร รักษาตัวเราไว้ ท่านก็พุทโธๆๆ พุทโธจนมันฟื้นขึ้นมา พอฟื้นขึ้นมาท่านบอกนะ มันก็จริงของท่าน
พ่อแม่มีคนไหนบ้าง พ่อแม่ที่ไม่ปรารถนาดีกับลูก ถ้าเป็นครูบาอาจารย์ที่ถูกต้องดีงาม ครูบาอาจารย์ที่มีปัญญา ทำไมท่านจะชี้บอกไม่ได้ แต่เวลาครูบาอาจารย์ชี้บอกแล้วเราจะทำได้หรือเปล่า พ่อแม่หวังดีกับลูกทั้งนั้นเลย แต่ลูกมันก็ต่อต้านพ่อแม่ทั้งนั้นเลย กว่ามันจะโตขึ้นมา กว่ามันจะมีลูกมันถึงจะเข้าใจของมันได้ แต่มันยังไม่โตขึ้นมา มันยังไม่มีลูก มันยังเข้าใจของมันไม่ได้หรอก
นี่ก็เหมือนกัน ครูบาอาจารย์ที่ท่านประพฤติปฏิบัติความเป็นจริงขึ้นมามันมีจริงอยู่กี่องค์ แล้วเวลาจริงอยู่กี่องค์แล้ว เวลาท่านพูดความจริง เราทำความจริงได้หรือไม่ ถ้าทำความจริงได้ พอทำความจริงมันเป็นความจริง มันก็ฟื้นมาจริงๆ พอฟื้นมาจริงๆ ท่านก็ โอ้โฮ! มอบชีวิตเลยนะ
เวลาหลวงปู่มั่นท่านเสีย หลวงตาท่านบอกว่า ถ้าท่านเสียชีวิตสละชีวิตแทนได้ ท่านเสียสละชีวิตแทนทันทีเลย แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอก
มันเป็นไปไม่ได้เพราะว่ามันเป็นชีวิตใคร ชีวิตของผู้นั้น แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังปรินิพพาน แล้วใครบ้างที่ชีวิตมันจะค้ำฟ้าล่ะ โดยสัจจะโดยข้อเท็จจริงก็เป็นแบบนั้นน่ะ แต่โดยความผูกพันไง โดยความผูกพัน ด้วยความเคารพ ด้วยความรักไง มันมีความรู้สึกอย่างนี้ขึ้นมา ความรู้สึกว่าถ้าเราสละชีวิตได้ เรายังยอมสละชีวิตเราเลย เพื่อให้ท่านมีชีวิตอยู่ต่อไป เพราะท่านจะทำประโยชน์ได้มากกว่าเรา ท่านคิดอย่างนั้นเลยนะ แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอก มันเป็นความคิด แต่ความคิดอย่างนี้ใครคิดอะไรก็เก็บไว้ในใจใช่ไหม ทุกคนมีความคิดของตัวเองตั้งแต่เด็กแล้ว เราก็มีความคิดในใจของเรา แล้วเก็บไว้ไม่กล้าบอกใคร อายเขา เก็บซ่อนไว้ อย่าออกมานะ อย่าออกมานะ
นี่ก็เหมือนกัน คนที่มันเคารพในหัวใจ คนที่มันคิดตั้งแต่เคารพในใจ มันจะคิดทำลายไหม มันจะคิดตีเสมอไหม มันจะคิดจาบจ้วงไหม ถ้ามันคิดเคารพมาตั้งแต่หัวใจ นี่ถ้ามันเป็นความจริงๆ มันเป็นแบบนี้ไง ความจริง เพราะความจริงมันได้สัมผัสความจริงอันนี้แล้วมันเคารพบูชาอันนั้น นี่ความจริง
ฉะนั้น สังคมน่าสังเวชมากนะ มีสิ่งใดมาก็เชื่อๆ แล้วเชื่อไปโดยที่ไม่มีสติไม่มีปัญญา เวลาเราทุกข์เรายาก เราก็บอกครูบาอาจารย์ทำไมทำอย่างนั้นล่ะ เราก็บอกท่านนะ บอกว่าเหมือนกับเราอยู่กลางแม่น้ำแล้วมันจะจมน้ำตาย มันไม่มีอะไร เวลามีสิ่งใดมาก็ต้องเกาะ
นี่ก็เหมือนกัน ถ้าเราไม่มีสติปัญญา ไม่มีสิ่งใด เราจะเกาะ เราจะเกาะเพื่ออาศัยดำรงชีวิตเพื่อความอยู่รอด อันนั้นเรื่องหนึ่งนะ เพราะมีเยอะมากที่มาหาเรา เวลาครูบาอาจารย์เขาถึงวันสำคัญ เขาบอกเขาต้องกลับไปหาครูบาอาจารย์เขานะ กลับไปเพื่อความกตัญญู ทั้งๆ ที่รู้ว่าอาจารย์ที่สอนมาผิดทั้งนั้นน่ะ สอนเขามาจนเขาตกทะเลไปทั้งนั้นน่ะ แล้วสุดท้ายเขามาหาเรา คุยกับเราแล้วเขาก็มาภาวนาที่นี่ แต่เวลาถึงวันสำคัญอาจารย์เขาก็กลับ
เราบอกใช่ ต้องกลับ เพราะว่าใช่ เราจะจมน้ำตายใช่ไหม เราทุกข์เรายาก เราไม่มีที่ไป เราก็อาศัยเกาะๆ แต่พอเกาะไปแล้วเรารู้ว่าพอเกาะไปแล้วมันไม่พาเข้าฝั่ง มันจะพาออกทะเล ถ้าเกาะไปมันก็ลงทะเลไป เดี๋ยวก็ไปเหยื่อไอ้หลามนู่นน่ะ มันก็เสียสละ เขาจะเข้าฝั่งของเขา
ฉะนั้น ถึงวันสำคัญเราก็ไป ไปเพราะอะไร ไปเพราะความกตัญญูไง ถึงอย่างไรก็แล้วแต่ เราก็ได้อาศัยเขา มันเป็นความกตัญญู แต่โดยข้อเท็จจริงๆ มันไม่จริง ข้อเท็จจริงไม่จริง ดูสิ น่าสังเวชถึงกระแสสังคม เชื่อง่ายๆ เชื่ออะไรกันไป แต่มันก็ย้อนกลับมา ย้อนกลับมาว่าเขาทำอะไรของเขามา เขามีสติปัญญาเท่านั้น ทำไมเขามีสติปัญญาเท่านี้ ทำไมเขาเชื่อของเขาไปได้ล่ะ
แล้วเราย้อนกลับมาเรานะ ย้อนกลับมาพวกเรา ชีวิตเรามีค่าไหม อันตรายไหม เวลาเราเดินทางถ้าประสบอุบัติเหตุไม่บาดเจ็บนะ ก็ถึงแก่ชีวิต ถ้าไม่บาดเจ็บก็ถึงแก่ชีวิตถ้าเราเดินทาง
นี่ก็เหมือนกัน ชีวิตเราต้องเดินทางไป เราต้องประพฤติปฏิบัติไปในแนวทางนั้น แล้วเราจะเอาชีวิตเราไปอย่างไร เราจะรอดจากอุบัติเหตุ รอดจากการบาดเจ็บ รอดจากการเสียชีวิต จะให้ถึงเป้าหมายของเราด้วยความจริงของเรา เราจะมีสติปัญญามากน้อยแค่ไหน มองสังคม มองความเป็นไป แล้วย้อนกลับมาที่เราๆ พยายามหาทางออก
วันนี้วันพระนะ เทศน์ เทศน์เพื่อให้เป็นคติ ให้เป็นคติเอาไปคิด เวลาหลวงตาท่านพูด ไปไหนก็แล้วแต่ ไปเอาใจคนๆ หัวใจคน ให้ธรรมเป็นทานๆ ก็ให้ข้อคิด ให้สติให้ปัญญา แล้วเราคิดของเรา แยกแยะของเรา เพื่อประโยชน์กับเรานะ
วันพระ ให้ใจเราเป็นผู้ประเสริฐ ให้ใจของเรามีสติปัญญา ให้ใจของเราเข้มแข็ง ให้ใจของเราได้คัดเลือก อย่าให้ใจของเราไหลไปตามกับกระแสโลกที่มันโป้ปดมดเท็จลวงโลก เอวัง